ประเภทของหลักสูตร
หลักสูตรอาจจำแนกได้หลายประเภท โดยอาศัยเกณฑ์ที่แตกต่างกัน ตามที่ ดุษฎี (2537ป ได้กล่าวถึง ลักษณะของหลักสูตร ไว้ดังนี้
1. กลุ่มที่จำแนกตามหมวดหมู่เนื้อหาสาระ กลุ่มนี้แยกหลักสูตรออกเป็น 5 ประเภท ปรากฏในเอกสารตำราสาขาวิชาหลักสูตรทั่วไป ดังนี้
1.1 หลักสูตรรายวิชา (discrete-discipline curriculum, subject matter, curriculum,separate-subject curriculum) หลักสูตรประเภทนี้จัดประสบการณ์ส่วนใหญ่เรียงลำดับความยากง่ายเป็นรายวิชาย่อยๆ แยกต่างหากจากกัน
1.2 หลักสูตรสัมพันธ์วิชา (correlate curriculum) หลักสูตรประเภทนี้ จัดประสบการณ์เป็นกลุ่มเล็กๆ โดยจัดรายวิชาย่อยที่มีความสัมพันธ์กันเข้าไว้ด้วยกัน แต่ยังคงความเป็นรายวิชาย่อยอยู่
1.3 หลักสูตรหมวดวิชา (broad-fields curriculum, fused curriculum) หลักสูตรประเภทนี้คล้ายหลักสูตรสัมพันธ์วิชา แต่จัดรายวิชาที่คิดว่าเป็นจำพวกเดียวกันเข้าไว้ด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้น
1.4 หลักสูตรแกน (core curriculum) หลักสูตรประเภทนี้ยกสาระจำนวนหนึ่งในหลักสูตรนั้นขึ้นเป็นแกนในขณะที่สาระอื่นเป็นส่วนประกอบ
1.5 หลักสูตรบูรณาการ (integrated curriculum) หลักสูตรประเภทนี้รวมประสบการณ์ทุกสาระวิชามาสัมพันธ์กันจนไม่ปรากฏเด่นชัดว่าเป็นวิชาใด จัดเป็นประสบการณ์ต่อเนื่อง หลักสูตรเช่นนี้อาจอาศัยประเด็นหรือปัญหาบางอย่างเป็นแกน แล้วหลอมทุกสาระวิชาที่เกี่ยวข้องเข้าไว้ด้วยกัน
การจัดหมวดหมู่นี้เนื้อหาสาระในหลักสูตรเช่นนี้ คลี่คลายตามมวลความรู้ที่มนุษย์มีอยู่ในช่วงที่มีมวลความรู้น้อย การจัดประสบการณ์เป็นรายวิชาย่อยๆ ช่วยให้มนุษย์ได้เรียนรู้อย่างละเอียด ครั้นวิชาต่างๆ สะสมมวลความรู้และแยกวิชาออกไปมาก ซึงเท่ากับแยกมวลความรู้ในชีวิตมนุษย์ให้ลึกลงไปในแต่ละส่วนเสี้ยว ดังนั้น ในระยะเวลาอันจำกัดของหลักสูตรหนึ่งๆ จึงต้องหลอมรายวิชาย่อยๆ ให้เป็นกลุ่ม เป็นหมวด เป็นหน่วย ทั้งนี้เพื่อสำเร็จประโยชน์ตามความมุ่งหมายของหลักสูตร คือ มนุษย์ได้รับประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตทุกส่วน
2. กลุ่มที่จำแนกตามบทบาทของผู้สอนและผู้เรียน กลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับกระบวนการการเรียนการสอนแทนที่จะพิจารณาการจัดเนื้อหาสาระดังการจำแนกในกลุ่มที่ 1 การจำแนกตามเกณฑ์นี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
2.1 หลักสูตรเน้นสาระวิชา (subject-centered curriculum) หลัดสูตรประเภทนี้เน้นบทบาทของผู้สอนในการถ่ายทอดสาระวิชา อาจกล่าวได้ว่าความเชื่อที่แฝงอยู่ในการจัดหลักสูตรประเภทนี้ คือ หากการสอนมีประสิทธิภาพผู้เรียนจะสามารถเรียนรู้ได้
2.2 หลักสูตรที่เน้นผู้เรียน (child-centered curriculum) หลักสูตรประเภทนี้เน้นบทบาทของผู้เรียน อาจกล่าวได้ว่าความเชื่อแฝงอยู่ในการจัดหลักสูตรประเภทนี้คือผู้เรียนจะเรียนรู้ได้ดีเมื่อเรียนอย่างมีส่วนร่วม ลงมือทำเอง เข้าหลัก learning by doing
หากเปรียบเทียบการจัดประเภทหลักสูตรตามแนวนี้กับแนวที่ 1 อาจกล่าวได้ว่าหลักสูตรที่เน้นสาระวิชา น่าจะมีการเรียบเรียงเนื้อหาสาระเป็นรายวิชา ในขณะที่หลักสูตรที่เน้นผู้เรียนน่าจะจัดมวลประสบการณ์ในลักษณะบูรณาการหรือสหวิทยาการ (interdisciplinary curriculum)
3. กลุ่มที่จำแนกประสบการณ์ที่ยึด กลุ่มนี้แยกกลักสูตรออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
3.1 หลักสูตรเน้นกระบวนการทางสังคมและการดำเนินชีวิต (curriculum base on social process and life function) อาจกล่าวได้ว่า หลักสูตรประเภทนี้เป็นหลักสูตรบูรณาการสาระโดยยึดสภาพการณ์ที่ผู้เรียนเผชิญอยู่ สภาพการณ์ที่ว่านี้ ได้แก่การดำรงชีวิตโดยส่วนตัว การดำรงชีวิตในสิ่งแวดล้อม โดยสิ่งแวดล้อมที่ว่านี้แยกเป็น ส่วนที่เป็นสังคม และส่วนที่ไม่ใช่สังคม
3.2 หลักสูตรที่เน้นกิจกรรมและประสบการณ์ (the activity and experience curriculum) หลักสูตรประเภทนี้เป็นหลักสูตรบูรณาการสาระ เช่นเดียวกับหลักสูตรเน้นกระบวนการทางสังคมและการดำรงชีวิต แต่เน้นให้เรียนได้ทำกิจกรรม และมีประสบการณ์ด้วยตนเอง
3.3 หลักสูตรเอกัตภาพ (individualized curriculum, the personalized curriculum) หลักสูตรประเภทนี้ก็เป็นหลักสูตรบูรณาการสาระอีกประเภทหนึ่ง แต่เป็นหลักสูตรที่ให้ความสำคัญกับการเรียนเป็นรายบุคคล เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองอย่างเป็นอิสระจากคนอื่น
หลักสูตรประเภทนี้ผู้สอนจะเป็นผู้จัดประสบการณ์แก่ผู้เรียนตามลำพัง หรือร่วมกันจัดกับผู้เรียนก็ได้
หากเปรียบเทียบการจัดประเภทของหลักสูตรตามแนวนี้กับสองแนวแรก อาจกล่าวได้ว่าการจำแนกตามสองแนวแรก มีลักษณะใกล้เคียงกันมากกว่า ในขณะที่การจำแนกตามเกณฑ์ที่สามนี้คล้ายกับเป็นการจำแนกหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนตามแนวที่สองออกไปอีก สุดแต่ว่ามองมิติใดของผู้เรียนเป็นหลัก
สรุปว่าหลักสูตรมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับเกณฑ์ในการแบ่ง ซึ่งหลักสูตรประเภทต่างๆมีลักษณะข้อดีและข้อจำกัดภายในตัวเอง ดังนั้นนักพัฒนาหลักสูตรต้องศึกษาข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ก่อนเลือกประเภทและพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะสมกับบริบทและสภาพแวดล้อมต่างๆ เพื่อจะส่งผลให้หลักสูตรนั้นมีคุณค่า ช่วยพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ต่อไป